Translate

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แนะนำเชียงคาน

 พูดถึงเชียงคานก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ๆ ธีมของที่นี่คือเมืองสงบ ๆ แต่ถ้ามาช่วงเทศกาลก็ไม่เงียบอย่างที่คิด แต่อย่างที่ผมบอกว่าไฮไลท์ คือ วิวทะเลหมอกที่ผมตามหา...แต่เย็นนี้ลองแวะมาเดินเล่น หาอะไรกินเพลิน ๆ


          เชียงคานในช่วงกลางสัปดาห์แบบนี้ ทำให้ได้ความรู้สึกดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย คนน้อย เงียบสงบ ได้บรรยากาศในแบบที่เคยจินตนาการไว้ว่านี่แหละ "เชียงคาน"


          บรรยากาศนิ่ง ๆ คนน้อย ๆ มองซ้ายมองขวาว่าไม่ค่อยมีใครเห็น ก็เก็บภาพไว้สักใบ ให้ดูราวกับว่าผมได้มาถึงแล้ว เช้าวันถัดมาผมไปถึงจุดขึ้นภูทอกแต่ตีห้าครึ่ง โดยมีรถบริการรับ-ส่งขึ้นภูเพียง 25 บาท


          คนดูเหมือนไม่เยอะใช่ปะครับ แต่หันมาอีกทีคือคนเยอะมาก แน่นกันไปหมด


          ยังดีที่เช้าวันนั้นมีทะเลหมอกมาให้ได้เห็น ทั้งที่ตอนแรกขึ้นมาหมอกมีนิดเดียว ลองมองซูมไปมันเหมือนมีใยแมงมุมคลุมเขาจาง ๆ แต่พอเช้าเท่านั้นแหละมาเต็ม ๆ


          ผมเลยหลบคนมาจนมุมอีกด้าน ซึ่งเป็นด้านที่เป็นทิศทางของตะวันตกดินยามเย็น


          จำได้ว่าฤดูหนาวของแต่ละปี ผมจะกลับมาที่ภูทอกปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนเดียวกันคือเดือนมกราคม


          แค่คิดจะไปภูทอกก็รู้สึกไกลมาก ๆ ด้วยระยะทางราว ๆ 650 กิโลเมตร ใช้เวลา 7 ชั่วโมงนิด ๆ กว่าจะไปถึง แต่ฤดูหนาวในปีนี้ผมได้มาลุ้นทะเลหมอกที่นี่ถึง 3 ครั้ง เป็น 3 ครั้งที่ลุ้นจนเหนื่อยสุด ๆ  


          ภูทอก จุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงคาน มีลักษณะเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บนยอดภูเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน และเป็นจุดชมวิวทิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอำเภอเชียงคานและลำน้ำโขงได้โดยรอบ ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกันกับแก่งคุดคู้ซึ่งห่างจาก ตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ใครที่ได้แวะมาเที่ยวเชียงคานไม่ควรพลาดการไปชมทะเลหมอกในยามเช้าที่นี่ นอกจากนี้ภูทอกจุดชมวิว ชมความงามของแม่น้ำโขง เมืองสานะคาม และแก่งคุดคู้ได้อย่างชัดเจน ส่วนทะเลหมอกนั้นจะเจอมากน้อยหรืออาจจะไม่เจอเลย ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน

          
          เรื่องเจอทะเลหมอก ไม่เจอทะเลหมอก เป็นอะไรที่ทำให้ต้องกลับมาที่นี่ทุก ๆ ปี



          บรรยากาศที่ไร้ทะเลหมอกจะงาม แบบงามเงิบ แต่สำหรับเช้าวันนี้ไม่เงิบแล้ว !!!

                    


          สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากทฤษฎี Like dissolves like บนเส้นทางสายทะเลหมอกแบบนี้ ทุก ๆ อย่างมีจุดเริ่มต้น ทุก ๆ อย่างมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกแบบไหน ?


          แต่สำหรับทะเลหมอกสีขาว ๆ แบบนี้มันคงเริ่มต้นจากความรู้สึกในแบบที่เราอยากเห็น แล้วเปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกที่ใช่ จนกลายมาเป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่งในตอนนี้


          และไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเก่า ๆ ที่ได้ผ่านมาเนิ่นนาน หรือจะเป็นความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นในตอนนี้


          การได้เห็นสิ่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเหมือนจะบอกว่าเราเองก็คือคนที่พิเศษ เหมือนกับตัวมันที่เป็นสิ่งที่พิเศษเหมือนกัน


          มันพิเศษในแบบที่เราไม่ได้แตกต่างกัน และบางที Like dissolves like แบบนี้อาจจะไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย แต่บางทีก็ต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อที่จะได้ความรู้สึกแบบนั้นมา



          กำลังซึ้ง ๆ กำลังอินแบบนี้หันไปอีกทีคนหายไปไหนหมด เดาว่ารีบลงไปตักบาตรแน่ ๆ


          ผมเดินวนรอบภูทอกเลย แต่สุดท้ายก็กลับมาด้านทิศตะวันตกอีกรอบ



          ซึ่งปกติด้านนี้จะมีหมอกไม่เยอะเท่าไร แต่วันนี้ทะเลหมอกมาแบบ 360 องศา



          ไม่รู้จะบอกยังไงดี แค่อยากจะบอกว่ามันเป็นภูทอกที่ลึกซึ้งและสวยงามมาก ๆๆๆ


          มันคล้ายความฝันนิด ๆ เพ้อหน่อย ๆ ที่ทำให้ความรู้สึกในตัวของเราดีขึ้น เป็นความรู้สึกในแบบที่ไม่อยากจะทำงาน เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกอยากจะนอนหรืออยากกินอะไรเป็นพิเศษ


          และไม่ว่าเราจะรู้สึกแบบไหน จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ จะยังไงก็ตาม แต่สำหรับตอนนี้มันดีที่สุดที่ผมหรือใคร ๆ ได้รู้ว่าความรู้สึกแบบที่ผมหมายถึงมันอยู่ที่ไหนบ้าง ?


          ต่อให้เราเคยมาแต่ไม่เคยเจอ หรือเคยมาแต่ไม่เคยได้รู้สึกอะไร...ก็ไม่เป็นไร


          แต่อย่างน้อยเราก็รู้จักตัวเองมากขึ้นและมากขึ้น และไม่ว่าความรู้สึกแบบนั้นจะเป็นความจริงหรือเป็นความฝัน ให้แน่ใจไว้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม


          และนี่ก็เป็นอีกวันของผม ที่ความเป็นไปได้กลับมาทำงานอีกรอบหลังจากที่ผมทำมันหายไป


          มันไม่ใช่ทะเลหมอก แต่เป็นมหาสมุทรหมอกมากกว่า


          หมอกที่รวมตัวกันเป็นทะเล และเคลื่อนที่เป็นเกลียวคลื่นในมหาสมุทรแบบนี้


          หนึ่งในความทรงจำของที่นี่ คือ เด็กน้อยสองพี่น้องคู่ซี้เลย มาเป็นแบบให้ผมอย่างตั้งใจ

          
          แอบอิจฉาเด็กน้อยที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ส่วนเรากว่าจะเห็นก็อายุเท่านี้


          แดดเริ่มร้อนขึ้น พร้อม ๆ กับหมอกที่เริ่มพองตัวขึ้นเรื่อย ๆ


          ผมก็ยังทำแบบเดิม คือ เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของมัน







          ภาพถ่ายที่นี่และทะเลหมอกที่นั้น กับความทรงจำตอนสุดท้ายของฤดูหนาวในปีนี้ที่กำลังจบลงไปพร้อม ๆ กับการเดินทางในวันสุดท้ายในทริปนั้น...มีบางอย่างยังคงอยู่....และมีบางอย่างกำลังหายไป...พร้อม ๆ กับภาพนิ่ง ๆ ใบหนึ่งที่อาจไม่ต้องมีคำบรรยายแม้แต่คำเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น